แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในเกมเอฟเอคัพ รอบสาม ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผชิญหน้ากับอาร์เซนอล เกมนี้เป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยดราม่าและความตึงเครียดจนถึงช่วงการยิงจุดโทษ แม็กไกวร์ในบทบาทกัปตันทีมแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความสำคัญในเกมรับของทีม ด้วยสถิติการเคลียร์บอล 11 ครั้ง บล็อกการยิง 5 ครั้ง และเอาชนะลูกกลางอากาศ 4 ครั้ง เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเหมาะสมกับระบบการเล่นเกมรับแบบหลังสามตัวที่รูเบ็น อาโมริม นำมาใช้เพื่อสร้างสมดุลในทีม
เกมเริ่มต้นด้วยการป้องกันที่เหนียวแน่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสร้างโอกาสในการบุกได้มากนักในครึ่งแรก แต่ความมุ่งมั่นในการป้องกันของพวกเขาทำให้อาร์เซนอลไม่สามารถทำประตูได้ง่ายๆ โดยก่อนแข่งขันคาสิโนออนไลน์เว็บตรงต่างๆ ต่างออกราคาต่อรองว่าแมนยูฯ แพ้แน่นอน แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อดิโอโก้ ดาโลต์ ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 60 ทำให้ยูไนเต็ดเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน แม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบาก แต่ทีมกลับแสดงความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งในการป้องกันอย่างเต็มที่
อาร์เซนอลได้จุดโทษในช่วงเวลาสำคัญหลังจากที่ไค ฮาแวร์ตซ์ พยายามหลอกผู้ตัดสินโดยล้มลงในกรอบเขตโทษ แม็กไกวร์แสดงบทบาทผู้นำอย่างเต็มตัว เขาใช้พลังเสียงและการแสดงออกเพื่อสร้างแรงกดดันให้กับคู่แข่ง ขณะที่มาร์ติน โอเดการ์ด ผู้ยิงจุดโทษ กลับเสียความมั่นใจและยิงลูกไปโดนเซฟของผู้รักษาประตู การป้องกันจุดโทษครั้งนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สร้างขวัญกำลังใจให้กับทีม
โจชัว เซิร์กซี กลายเป็นฮีโร่ของเกมในช่วงการยิงจุดโทษด้วยการยิงลูกตัดสินอย่างมั่นใจ เซิร์กซี เป็นนักเตะที่เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เขาแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นในสถานการณ์สำคัญ โดยเฉพาะในการยิงประตูที่พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ารอบต่อไป ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนบอลและความกดดันจากสถานการณ์ เขายิงประตูได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคน