ยลโฉมสนามฟุตบอลโลก 2022 สวยงามและนำสมัยสไลต์กาตาร์
การแข่งขันศึกลูกหนังที่คนทั้งโลกต่างรอคอย ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มแข่งขันกันปลายปีนี้เริ่มเดือน พฤศจิกายน ยาวไปจนถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2022 โดยเจ้าภาพ กาตาร์ ได้สร้างสนามฟุตบอลโลก 2022 เพื่อต้อนรับแฟนบอลจากทั่วโลกถึง 8 สังเวียน ซึ่งแต่ละสนามอยู่ในรัศมี 55 กิโลเมตร จากกรุงโดฮา พร้อมด้วยขนส่งสาธารณะทั้งรถไฟฟ้าและรถรางอำนวยความสะดวกแฟนบอลให้สามารถชมแมตช์สำคัญต่าง ๆ นอกจากความมันส์ของเกมฟุตบอลแล้ว ความทันสมัยและสถาปัตยกรรมของทั้ง 8 สเตเดี้ยมก็มีความน่าสนใจ ตามส่องความล้ำสมัยของสนามฟุตบอลโลก 2022 แห่งใหม่ ได้ดังต่อไปนี้
1. ลูเซล สเตเดี้ยม (Lusail Iconic Stadium)
|
เป็นสังเวียนที่ใช้นัดเปิดสนามและแมตช์ชิงแชมป์ โดยสนามแห่งนี้ความจุ 80,000 ที่นั่ง เรียกได้ว่าขนาดใหญ่มาก ตกแต่งสเตเดี้ยมภายนอกด้วยสีทองที่ดูสง่างาม ประดับด้วยรายละเอียดตกแต่งแบบเรียบหรูดูแพง หลังคาแสดงถึงความล้ำด้านวิศวกรรมและเทคนิคก่อสร้าง ผลิตจากวัสดุอย่างดี หลังคาออกแบบมาให้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม ระบบไฟส่องสว่างในเวลากลางคืนเพิ่มการโต้ตอบของแสง ทั้งนี้ยังออกแบบผนังกำแพง หลังคา และด้านโค้งของสนามลักษณะคล้ายหม้อขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้เสียงเพลงและเสียงเชียร์ของแฟนบอลก้องกังวาน
นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีการก่อสร้างที่ยั่งยืนและรีไซเคิลขยะจากการก่อสร้างทุกครั้งที่ทำได้ วัสดุต่างๆ คัดสรรมาอย่างดี กระบวนการก่อสร้างถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อลดมลพิษและการปนเปื้อน ต้นไม้รอบสนามเป็นพันธุ์ท้องถิ่นที่ต้องใช้น้ำเพียงเล็กน้อย ประกอบกับการติดตั้งระบบน้ำที่มีประสิทธิภาพช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าในสนามกีฬาทั่วไป 40% ลูเซล สเตเดี้ยม แห่งนี้ได้รับการรับรองระบบการประเมินความยั่งยืนระดับโลก 4 ดาว นับได้ว่าเป็นสนามกีฬายุคใหม่ที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่ง
2.อัล เบย์ท สเตเดี้ยม (Al Bayt Stadium)
|
สนามสำหรับแมตช์รองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ตั้งอยู่ในเมืองอัลคอร์อยู่ห่างจากโดฮาไปทางเหนือเพียง 35 กม. อัลคอร์ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการดำน้ำ, ตกปลา และไข่มุก เสน่ห์ของที่นี่ดึงดูดผู้คนที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายให้มาชายฝั่ง สนามกีฬาแห่งนี้มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากเต็นท์สไตล์อาหรับ อันเป็นเอกลักษณ์ของตะวันออกกลาง พร้อมหลังคาที่สามารถเปิด-ปิดได้ รองรับแฟนบอลได้สูงสุด 60,000 คน สนามแห่งนี้เหมือนกับการต้อนรับแฟนบอลจากทั่วโลกสู่อารยธรรมดั้งเดิมของประเทศและสนุกไปกับเกมฟุตบอลในเวลาเดียวกัน
การออกแบบสนามกีฬา อัล เบย์ท นั้นยกย่องทั้งอดีตและปัจจุบันของประเทศกาตาร์ ในขณะเดียวก็จับตาดูอนาคตของชุมชนอย่างแน่วแน่ เป็นการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากสนามกีฬาแล้วสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับชุมชนก็ได้ถูกสร้างขึ้นมารอบๆ เช่นกัน หลังจบการแข่งขันสนามแห่งนี้จะเข้าถึงผู้คนทั่วโลกได้มากขึ้น ชิ้นส่วนในการสร้างสนามสามารถแยกออกไปได้ ชั้นบนของที่นั่งถูกเอาออก และมอบให้กับประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านสนามกีฬา ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจที่คงอยู่ตลอดไปถึงจิตวิญญาณที่เอื้อเฟื้อของเจ้าภาพกาตาร์นั้นเอง
3. 974 ราส อาบู อาบูด สเตเดี้ยม (974 Ras Abu Aboud Stadium)
|
หนึ่งในสเตเดี้ยมที่ดีไซน์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร มีความจุ 40,000 ที่นั่ง ด้วยการนำตู้คอนเทนเนอร์มาทำเป็นสนามฟุตบอล การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากการค้าและการเดินเรือไปทั่วโลกของกาตาร์ ตัวเลข 974 เป็นรหัสการโทรระหว่างประเทศของกาตาร์ รวมถึงจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ในการก่อสร้างสนาม หลังจากจบการแข่งขันที่นี่ไม่กลายเป็นสนามร้างแน่นอนเพราะจะทำการรื้อถอนและนำไปใช้เป็นวัสดุของโครงการอื่นๆ สำหรับแฟนบอลที่มาเยือนสามารถชมทัศนียภาพโดยรอบของชายฝั่งของอ่าวอันตระการตาของกรุงโดฮาได้อย่างเต็มอิ่ม
แนวคิดการออกแบบของ 974 ราส อาบู อาบูด สเตเดี้ยม คือความสวยงาม รวดเร็ว และประหยัดต้นทุน รูปทรงสี่เหลี่ยมโค้งมนสง่างาม ทำให้บรรยากาศที่น่าจดจำ สนามนี้มีนวัตกรรมใหม่คือเป็นสเตเดี้ยมที่ถอดเปลี่ยนได้แห่งแรกในประวัติศาสตร์ ส่วนประกอบของสนามกีฬาอื่นๆ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ บางส่วนของสถานที่แห่งนี้จะถูกนำไปใช้ในอนาคต กำหนดมาตรฐานใหม่ในด้านความยั่งยืน นอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐานอันทรงคุณค่า Stadium 974 ยังให้ตัวอย่างที่ดีแก่นักพัฒนาสนามกีฬาทั่วโลกในด้านการต่อยอดความยั่งยืน
4. อัล ธูมามา สเตเดี้ยม (Al Thumama Stadium)
|
สนามแห่งนี้อยู่ห่างจากโดฮาไปทางใต้ 12 กม. สนามฟุตบอลดีไซน์สวยงามและมีสไตล์ได้รับแรงบรรดาลใจจาก gahfiya หรือว่าหมวกสานอาหรับแบบดั้งเดิม ส่วนชื่อของสนามฟุตบอลจากชื่อของพันธุ์ไม้ท้องถิ่น รูปแบบวงกลมที่โดดเด่นเหมือนหมวกอาหรับของบุรุษและเด็กชายทั่วทั้งตะวันออกกลาง เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหรับ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรีและความอิสระ สะท้อนถึงเส้นทางสู่วัยผู้ใหญ่ของเด็กชายทุกๆ คน หมายความว่า อัล ธูมามา สเตเดี้ยม ให้ความสำคัญกับเยาวชนที่จะก้าวไปในวงการกีฬาระดับโลกในอนาคตนั้นเอง
การออกแบบของสนามกีฬาเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม ใช้น้ำรีไซเคิลสำหรับพื้นที่สีเขียว บริเวณรอบสนามๆ มีเนื้อที่เป็นสวนสาธารณะ 50,000 ตร.ม. ประกอบด้วยพืชพันธุ์พื้นเมืองและต้นไม้เกือบ 400 ต้นครอบคลุมพื้นที่ 84% ของสนามที่ สำหรับผู้มาเยี่ยมชมที่เดินทางการด้วยเที่ยวบินลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด จะได้เห็นสนามกีฬาอันงดงามแห่งนี้เป็นครั้งแรกจากด้านบน รูปแบบที่โดดเด่นของสนามจะทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงหัวใจของครอบครัวอาหรับ และการก้าวเข้าไปในสนามจะเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิตสำหรับแฟนฟุตบอล
5. เอ็ดดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม (Education City Stadium)
|
ภูมิทัศน์รอบๆ สนามกีฬานั้นเป็นที่มาของชื่อสนาม เพราะโดยรอบเต็มไปด้วยมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งมีผลงานการวิจัยที่ล้ำสมัยและเป็นแหล่งสร้างนักวิชาการที่ดี ส่วนหน้าอาคารเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปแบบทางเรขาคณิตลักษณะซับซ้อนคล้ายเพชร ดูเหมือนเปลี่ยนสีตามการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ในตอนกลางคืนด้านหน้าอาคารจะประดับประดาด้วยแสงสีทำให้ดูสะดุดตามากยิ่งขึ้น รูปแบบของอารีน่าที่สวยงามจะสร้างความทรงจำในเกมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหลของแฟนกีฬา ด้านข้างของสเตเดี้ยมมีการห่อหุ้มสนามทำงานด้วยระบบระบายความร้อนขั้นสูง นำผู้คนใกล้ชิดกับฟุตบอลและลักษณะของสังเวียนจะช่วยทำให้เพลงของแฟนๆ ก้องกังวาน
โลเคชั่นของสนามกีฬาคัดเลือกมาอย่างดีสามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่แฟนที่มีความทุพพลภาพ ระยะทางสู่ที่นั่งจะเป็นทางสั้นๆ ตามเส้นทางมีต้นไม้เป็นร่มเงา ทำให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินกับ ทัศนียภาพอันงดงามของสถานที่ หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันสนามกีฬาแห่งนี้จะเป็นจุดศูนย์กลางของชุมชน สนามฝึกซ้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา ซึ่งอยู่ไม่ใกลจากแหล่งสถานศึกษา เรียกได้ว่าเป็นการส่งเสริมสังคมที่แท้จริง
6. อาเหม็ด บิน อาลี สเตเดี้ยม (Ahmed bin Ali Stadium)
|
เมืองอัล เรย์ยาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามกีฬาแห่งนี้ มีความโดดเด่นจากความรักในประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น ตลอดจนทีมมีฟุตบอลยอดนิยมอย่าง อัล เรย์ยาน สปอร์ต คลับ ชุมชนที่แน่นแฟ้นมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อทีม ซึ่งสนามใหม่นี้จุคนมากถึง 40,000 คน รูปแบบของสนามผสมผสานสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมกาตาร์เข้ากับส่วนหน้าอาคารที่เป็นลูกคลื่นได้อย่างตระการตา สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ สนามกีฬายังสะท้อนถึงประเทศด้วยโครงสร้างรูปเนินทรายชวนให้นึกถึงป่าที่สวยงามทางทิศตะวันตก อัล เรย์ยาน สเตเดี้ยมนี้พร้อมต้อนรับแฟนฟุตบอลจากทั่วโลกด้วยความเต็มใจ พร้อมจะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมอันร่ำรวย
นอกจากรูปแบบสถาปัตยกรรมอิสลามที่น่าประทับใจสะท้อนถึงงานหัตถกรรมอันวิจิตรงดงามในกาตาร์ ในส่วนของสิ่งอำนวยก็ตอบโจทย์การใช้งานด้วยโครงสร้างเบาะนั่งขนาดกะทัดรัด หลังคาน้ำหนักเบา และไม่ต้องเรื่องสภาพอากาศเพราะมีระบบระบายความร้อนขั้นสูง ทำให้ผู้ชมสนุกกับทุกแมตช์และทำให้แฟนกีฬาและรู้สึกใกล้ชิดกับการแข่งขันในสนามได้เต็มที่
7. คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม (Khalifa International Stadium)
|
สนามกีฬานานาชาติคาลิฟาสร้างขึ้นในปี 1976 ในเมืองอัล เรย์ยาน ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของประวัติศาตร์กีฬาของประเทศอย่างยาวนาน และเป็นอนาคตที่สดใสด้วยเช่นกัน อารีน่าที่จุแฟนๆ ได้ถึง 40,000 ที่นั่ง สำหรับสนามนี้การัตรีด้วยการนี้มีประวัติเป็นเจ้าภาพงานใหญ่อยู่แล้วทั้ง อาราเบียนกัลฟ์คัพ, เอเชียนเกมส์, และเอเอฟซีเอเชียนคัพ เป็นสนามที่คู่ควรกับตะวันออกกลาง สำหรับคนในกาตาร์และภูมิภาคนี้ สนามกีฬานานาชาติคาลิฟาคือเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนนั้นเอง
ภูมิศาสตร์ที่ของสนามแห่งนี้มีความสะดวกสบาย พร้อมด้วยระบบการขนส่งที่ครบครัน เหมาะสมกับการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติที่ โดยสนามกีฬาได้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ปรับรูปทรงให้ล้ำสมัย หลังคาส่วนโค้งคู่ที่โอบรับแฟนบอลจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมหลังคาระบบควบคุมสภาพอากาศด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูง นี่ยังคงเป็นสนามกีฬาที่มีบรรยากาศแบบที่ผู้ชมชื่นชอบ สนามกีฬามีอาคารใหม่ที่สวยงามด้านหน้า ในขณะที่ระบบไฟไฟ LED และสปอตไลต์ดิจิตอลที่ล้ำสมัยนำมิติใหม่มาสู่ประสบการณ์ของแฟนบอล
8. อัล วากราห์ สเตเดี้ยม (Al Janoub Stadium)
|
|
ตั้งอยู่ในเมืองอัล วากราห์ ทางตอนใต้ สนามกีฬาแห่งนี้มีความจุ 40,000 คน เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2019 โดยจัดเกม อาเมียร์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ดีไซน์ของสนามได้แรงบันดาลใจมาจากเรือของชาวกาตาร์ที่เรียกว่าเรือโดว์แบบดั้งเดิม เมื่อแฟนฟุตบอลเข้ามาที่ใกล้สนามกีฬาจะพบกับสวนสวยๆ เป็นการต้อนรับ สถาปัตยกรรมที่หรูหรา มุมมองจากภายในสนามกีฬามีที่คานโค้งขึ้นไปบนหลังคาคล้ายกับตัวเรือ และปล่อยให้แสงส่องเข้ามาในสนาม ซึ่งมีการออกแบบที่ฉลาด วิเคราะห์สภาพภูมิอากาศโดยละเอียด รูปร่างของสนามกีฬามีการบังแสงที่เหมาะสม การควบคุมอุณหภูมิ ติดตั้งระบบทำความเย็น เพื่อแฟนบอลได้สนุกกับเกมอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมายให้ผู้มาเยือนได้ทำทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน อาทิ เดินเล่นริมน้ำ, ซื้อเครื่องใช้ของที่ระลึกในท้องถิ่นแบบไม่ซ้ำใคร, ศึกษาประวัติศาสตร์อันยาวนานที่พิพิธภัณฑ์ เป็นต้น นอกจากกิจกรรมท่องเที่ยวแล้วสถานที่แห่งนี้ยังคำนึงถึงการใช้งานหลังทัวร์นาเมนต์ เพราะพร้อมใช้งานเป็น ห้องเรียน, ห้องจัดงานแต่งงาน, สนามขี่จักรยาน, ลู่วิ่ง, ร้านอาหาร, ตลาด, โรงยิม และสวน ซึ่งเป็นประโยชน์ระยะยาว ทำให้ชุมชนแน่นแฟ้นใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น