‘สวิตเซอร์แลนด์’ ทีมดังแดนนาฬิกาของกุนซือ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช นัดล่าสุดในรายการนี้เสมอ เยอรมัน ไปแบบสุดมันส์ 3-3 ตอนนี้รั้งอันดับที่ 4 ของกลุ่ม D ลงแข่ง 4 นัด ยังไม่ชนะใครเลย เสมอ 2 แพ้ 2 มีอยู่ 2 แต้ม ตามหลังที่ 2 กับ 3 ถึง 4 คะแนน ตกที่นั่งลำบากเลยทีเดียว ยิ่งเกมต่อไปเจอกับทีมกระทิงดุถือได้ว่าเป็นงานหนักเลยทีเดียว สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวดีๆ เพราะไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนรบกวนเลย คาดว่าเกมนี้ ยันน์ ซอมเมอร์ เฝ้าเสา น่าจะยังคงใช้ทีมจากเกมเสมอทีมอินทรีเหล็กหลักต่อไปเพราะถือว่าเป็นขุมกำลังที่ดี ทางด้าน เซอร์ดาน ชาคิรี่ ซูเปอร์สตาร์ของทีมที่ฟิตเต็มที่แล้วคงได้ลงสนามล่าตาข่ายร่วมกับ ฮาริส เซเฟโรวิช พร้อมด้วยแกนหลักรายอื่นๆ ทั้ง นิโก้ เอลเวดี้, ซิลว็อง วิดแมร์, สตีเฟ่น ซูเบอร์, กานิต ชาก้า, มุสซ่า ซาว, เรโม ฟรอยเลอร์ พร้อมประจำการ
‘สเปน’ ทัพกระทิงดุของผู้จัดการทีม หลุยส์ เอ็นริเก้ ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่ม A แม้ว่านัดล่าสุดในรายการนี้จะพ่าย ยูเครน 1-2 ผลงานสนาม 4 เกม ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 มีอยู่ 7 แต้ม นำทีมที่ 2 กับ 3 อย่าง เยอรมัน กับ ยูเครน แค่แต้มเดียวหมายความว่าถ้าพลาดเกมนี้อับดับร่วงแน่นอน สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้ ต้องขาดสองแนวรุกอย่าง อันซู ฟาติ ดาวรุ่งของบาร์ซ่า ที่ผ่าตัดหัวเข่าต้องพักแข้ง 4 เดือน และ โรดรีโก้ โมเรโน กองหน้าจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่มีผลตรวจโควิด-19ออกมาเป็นบวก ทางด้าน ติอาโก้ อัลคันทารา กองกลางทีมหงส์แดงยังไม่ฟิต ในขณะที่ โกเก้ มิดฟิลด์จากทีมตราหมีนั้นกลับมาติดธงอีกครั้งในรอบ 2 ปี รวมทั้ง มาร์กอส ยอเรนเต้ กับ อัลบาโร่ โมราต้า รีเทิร์นสู่ทีมชาติด้วยเช่นกัน มีแววว่าเกมนี้ เกป้า อาร์รีซาบาลาก้า จะเบียด ดาบิด เด เคอา ลงทำหน้าที่ผู้รักษาประตู ส่วนแนวรับก็แน่นหนาถือว่าเป็นจุดแข็ง เซร์จี้ โรเบร์โต้, เฆซุส นาบาส, เซร์คิโอ รามอส และ เอริก การ์เซีย ยังเป็นตัวเลือกหลักๆ ส่วนแผงแดนกลาง โรดรี้ เอร์นานเดซ กับ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ยึดตำแหน่งตัวจริง ส่วนแดนหน้าล่าตาข่ายคาดว่าคงใช้งาน เฟร์ราน ตอร์เรส, เคราร์ด โมเรโน่ พร้อมด้วย อัลบาโร่ โมราต้า ลงล่าตาข่าย
