‘สเปน’ ขุนพลกระทิงดุของผู้จัดการทีม หลุยส์ เอนริเก้ ฟอร์มไม่ดุสมชื่อไร้คำว่าชนะมาแล้ว 3 นัดติดรวมทุกรายการ เกมล่าสุดเสมอทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 แต่ยังดีที่อยู่อันดับ 2 ของกลุ่ม จากการลงสนาม 5 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 มี 8 คะแนน ทว่านำ ยูเครน อันดับ 3 แค่สองแต้ม หมายความว่าเกมนี้จะแพ้ไม่ได้เลยเพราะถ้าแพ้หรือเสมอคือการตกรอบแน่นอน สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้ แข้งที่บาดเจ็บลงสนามไม่ได้แน่ๆ คือ ติอาโก้ คันทาร่า, อันซู ฟาติ, โรดริโก้ โมเรโน่ และล่าสุด เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จะหมดสิทธิ์ลงสนามเพราะบาดเจ็บในระหว่างการฝึกซ้อม ส่วนในรายของ โฆเซ่ กาย่า รอเช็คความฟิตถ้าไม่พร้อมคงเป็น เจอร์ราร์ด โมเรโน่ ลงทำหน้าที่แทน คาดว่าเกมนี้จะใช้ระบบ 4-3-3 ดาบิด เด เกอา เฝ้าเสา เซร์คิโอ รามอส, ปาว ตอร์เรส, เฆซุส นาบาส, เซร์คิโอ เรกีลอน ทำหน้าที่เกมรับ เซร์คิโอ กานาเญส กับ โรดรี้ เล่นเกมแดนกลาง ส่วนเกมบุกมอบหมายให้ เฟร์รัน ตอร์เรส กับ อัลวาโร่ โมราต้า ล่าตาข่าย ซึ่งอีกตำแหน่ง อดาม่า ตราโอเร่ ต้องชิงกันลงสนามกับ ดานี่ โอลโม่ นั้นเอง
‘เยอรมัน’ ทัพอินทรีเหล็กของเทรนเนอร์ โยอาคิม เลิฟ แม้ว่าจะยังไม่ได้ฟอร์มร้อนแรงแต่ก็ไร้พ่านมาต่อเนื่อง 12 นัด เกมล่าสุดชนะ ยูเครน 3-1 ตอนนี้นำเป็นจ่าฝูงกลุ่ม D ลงแข่ง 5 นัด ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 0 มีอยู่ 9 คะแนน นัดต่อไปบุกเยือน สเปน ขอแค่ไม่แพ้ก็เพียงพอจะผ่านเข้ารอบต่อไป สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้ แข้งบาดเจ็บที่ลงสนามไม่ได้ คือ โจชัว คิมมิค, นิคลาส ซูเล่, โจนาส ฮอฟแมน ส่วนในรายของ โรบิน โกเซนส์ รอเช็คความฟิต คาดว่าเกมนี้จะบุกไปเยือนด้วยระบบ 4-3-3 มานูเอล นอยเออร์ ทำหน้าที่ผู้รักษาประตู มัทธีอัส กินเทอร์ กับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ยืนหลักในเกมรับ ส่วนแผงมิดฟิดล์เป็น เลออน โกเรทซ์ก้า, ยูเลี่ยน บลันท์, โทนี่ ครอส ลงประจำการ สามประสานแดนหน้าส่ง ติโม แวร์เนอร์, แซร์ช นาบรี้, ลีรอย ซาเน่ ลงล่าตาข่าย
