Road to Paris! เส้นทางสู่นัดชิง UCL ของทัพราชันชุดขาว
ในที่สุดศึกลูกหนังทัวร์นาเมนต์ใหญ่สุดในยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2021/22 ก็ได้คู่เป็นที่เรียบร้อย นั้นคือ “ลิเวอร์พูล vs เรอัล มาดริด” ซึ่งจะลงสนามฟาดแข้งกันในวันที่ 29 พฤษภาคม 2022 นี้ ก่อนจะถึงนัดชิงมาอุ่นเครื่องความมันส์ด้วยการย้อนรอยดูเส้นทางของทีมราชันชุดขาวแห่ง ลาลีก้า สเปน จากรอบแบ่งกลุ่มจนตีตั๋วสู่นัดชิงชนะเลิศ ได้ดังนี้
เส้นทางสู่นัดชิงฯ ของ เรอัล มาดริด (ลาลีกา สเปน)
รอบแบ่งกลุ่ม
ทีมราชันชุดขาวถูกจัดให้เป็นตัวเต็งแชมป์กลุ่มตั้งแต่ผลการจับสลากออกมาเลยทีเดียว เพราะสโมสรร่วมกลุ่ม D มีเพียง อินเตอร์ มิลาน จาก กัสโซ เชเรีย อา เท่านั้นที่เป็นทีมใหญ่ ส่วนทางฝั่ง เชอร์ริฟฟ์ ติราสโพล จาก มอลโดวา เนชั่นแนล ดิวิชั่น ก็เป็นน้องใหม่ในรายการนี้ ส่วนทาง ชัคตาร์ โดเน็ตส์ จากยูเครน พรีเมียร์ลีก เป็นขาประจำก็จริงแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวมากมาย ทว่าก็ได้มีการหักปากกาเซียนเกิดขึ้นเมื่อทีมนายอำเภอ เชอร์ริฟฟ์ บุกไปชนะทีมราชันชุดขาวได้ที่สนาม ซานดิอาโก้ เบอร์นาเบว เรียกได้ว่าเป็นความอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง แต่แล้ว มาดริด ก็สามารถแก้ตัวได้ในเกมที่เหลือ สรุปสุดท้าย ลงเตะ 6 เกม ชนะ 5 แพ้ 1 ยิงได้ 14 ประตู เสียไป 3 ตุง เก็บมา 15 คะแนน ผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม โดยมีผลการแข่งขันทั้งหมดของทีมในกลุ่ม D ดังนี้
- ชนะ อินเตอร์ มิลาน 0-1 (เยือน)
- แพ้ เชอร์ริฟฟ์ 1-2 (เหย้า)
- ชนะ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ 5-0 (เยือน)
- ชนะ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ 2-1 (เหย้า)
- ชนะ เชอร์ริฟ 3-0 (เยือน)
- ชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 (เหย้า)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ 16 ทีม เมื่อบิ๊กทีมจาก สเปน โคจรมาปะทะยักษ์ใหญ่แห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งในเลก 1 ทีมราชันชุดขาวบุกไปพ่าย เปแอสเช ก่อนแต่ด้วยความห่างสกอร์แค่ประตูจึงทำให้ทีมยังมีโอกาสเข้ารอบอยู่มาก และทีมราชันก็มาระเบิดฟอร์มเก่งในเลกที่ 2 เปิดบ้านเขี่ยทีมเศรษฐีจากปารีสตกรอบ 16 สุดท้าย มาดริด ชนะด้วยสกอร์รวม 3-2 หลังจากเกมนี้หลายๆ เว็บพนันออนไลน์ถูกกฏหมายยกให้เป็นทีมเต็งแชมป์เลยทีเดียว โดยมีผลการแข่งขันทั้ง 2 นัด ดังนี้
- แพ้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 1-0 (เยือน)
- ชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-1 (เหย้า)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
เจองานหนักต่อเนื่องในรอบก่อนรองเนื่องจากถูกจับสลากให้ต้องปะทะกับทีมสิงห์บลูแห่ง พรีเมียร์ลีก แต่ทีมยังคงฟอร์มดีบุกไปชนะได้ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยความถึงสองประตู ซึ่งเป็นเรื่องดีๆ ที่ตุนประตูได้ก่อน เพราะในเลกที่ 2 โดนทีมสิงห์บลูยกพลมาเฉือนชนะคาบ้าน แต่ก็ยังปลอดภัยเพราะสามารถผ่านเข้ารอบได้ด้วยการชนะสกอร์รวม 5-4 โดยมีผลการแข่งขันทั้ง 2 นัด ดังนี้
- ชนะ เชลซี 1-3 (เยือน)
- แพ้ เชลซี 2-3 (เหย้า)
รอบรองชนะเลิศ
นี้คือการพบกันของสองทีมใหญ่ที่นำมาซึ่งความมันส์และดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ เรอัล มาดริด ปะทะ แมนฯ ซิตี้ ที่ในขณะนี้รั้งตำแหน่งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในเลก 1 ทีมราชันฯ บุกพ่าย 4-3 ด้วยรูปเกมที่สนุก และก็เพิ่มดีกรีความสนุกไปอีกหลายๆ ขั้นเลยทีเดียวในเลก 2 ที่ทีมโลส บลังโกส ได้ลงเตะในบ้านพร้อมกับการเดินหน้าท้าชนะเต็มที่สู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร ในครึ่งแรกเสมอ 0-0 ตามด้วยครึ่งหลังนาที 73 ทีมเรือใบทำประตูขึ้นนำ จวบจนท้ายเกมทีมราชันชุดขาวโกงความตามยิงประตูตีเสมอเป็น 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษและช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 91 เจ้าบ้านมาได้อีกประตู ทำให้สกอร์รวมเท่ากัน มีโอกาสยิงจุดโทษเพื่อตัดสินผู้เข้ารอบ แต่ในนาทีที่ 95 คาริม เบเซม่า มาย้ำประตูชัยให้ เรอัล มาดริด ตีตั๋วเข้ารอบชิงฯ แบบสุดระทึก ชนะด้วยสกอร์รวม 6-5 โดยมีผลการแข่งขันทั้ง 2 นัด ดังนี้
- แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 (เยือน)
- ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 (เหย้า)
นัดชิงชนะเลิศ
ลิเวอร์พูล vs เรอัล มาดริด
วันที่ 29 พฤษภาคม 2022 ณ สนาม สตาด เดอ ฟร็องส์ กรุงปารีส, ประเทศฝรั่งเศส