‘เรอัล มาดริด’ ทีมราชันชุดขาวแห่ง ลาลีก้า สเปน ของกุนซือ ซีเนดีน ซีดาน ไร้พ่ายมาต่อเนื่อง 11 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ เกมล่าสุดชนะ เออิบาร์ 2-1 ในลีก ความพร้อมของทีม ยังขาด เซร์คิโอ รามอส ที่พลาดลงสนามดวลหงส์แดงทั้งสองนัดเนื่องจากบาดเจ็บกล้ามเนื้อน่องขาซ้าย ต้องพักรวๆ 1 เดือน แต่มีข่าวดีคือ เอแด็น อาซาร์ กับ เฟเดรีโก้ วัลเวร์เด้ สามารถลงซ้อมได้แล้วน่าจะฟิตทันเป็นตัวเลือกลงช่วยทีมในเกมยุโรป ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ พร้อมลุย คาดว่าเกมนี้ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เฝ้าเสา ลูกัส บาซเกซ, นาโช่ เฟร์นานเดซ กับ เอแดร์ มิลิเตา เป็นตัวหลักในแดนหลัง ฝั่งมิดฟิลด์ ลูก้า โมดริช, อีสโก้ อาลาร์กอน, คาร์ลอส กาเซมีโร่ ลงทำหน้าที่ โดยมี มาร์โก้ อาเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า พร้อมด้วย วินิซิอุส จูเนียร์ ผนึกกำลังกันในเกมรุก
‘ลิเวอร์พูล’ ขุนพลหงส์แดงจาก พรีเมียร์ลีก ของผู้จัดการทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องมาเจองานหนักในรอบ 8 ทีม เพราะต้องปะทะยักษ์ใหญ่จากแดนกระทิง นัดล่าสุดทีม เดอะ ค็อปป์ เพิ่งบุกไปถล่ม อาร์เซนอล 3-0 มาได้ในลีก คงเรียกความมั่นใจกลับมาได้มากเลยทีเดียว ส่วนผลงานใน ยูฟ่า ชปล ก็ยังทำได้น่าประทับใจและหวังว่าจะยังทำได้ดีในรอบนี้ ความพร้อมของทีม มีนักเตะบาดเจ็บลงสนามไม่ได้และยังไม่มีกำหนดคัมแบ็ค คือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจเอล มาติป, โจ โกเมซ, เวอร์จิล ฟาน ไดร์จ, ดิว็อค โอริกี้ และ ควีวีน เคลเลเฮอร์ คาดว่าเกมนี้จะเน้นตัวผู้เล่นจากเกมที่ชนะปืนใหญ่ อลิสสัน เบคเกอร์ เฝ้าเสา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงทำหน้าที่ปราการหลัง แดนกลางวางตัว ฟาบินโญ, ติอาโก อัลคันทารา และ เจมส์ มิลเนอร์ ประจำการ ส่วนสามประสานเกมรุกแน่นอนว่าเป็น ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงล่าสกอร์