‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ ขุนพลปิศาจแดงของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เต็มไปด้วยความมั่นใจหลังกำชัยเหนือ ลิเวอร์พูล 3-2 ในรายการ เอฟเอ คัพ รอบ 4 พร้อมลุยต่อใน พรีเมียร์ลีก ที่นำเป็นทีมท็อปของตาราง จากการลงสนาม 19 นัด ชนะ 12 เสมอ 4 แพ้ 3 มี 40 คะแนน เกมต่อไปเจองานไม่หนักเปิดบ้านรับทีมบ๊วย สภาพความพร้อมของทีม ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน มาร์กอส โรโฮ ที่บาดเจ็บเช่นเดียวกันกับ แบรนดอน วิลเลียมส์ และ ฟิล โจน ส่วนรายของ มาคัส แรชฟอร์ด รอทดสอบความฟิตซึ่งอาการไม่รุนแรงน่าจะลงสนามช่วยทีมได้แต่มีแววเป็นสำรองก่อน เพราะทาง อองโตนี่ย์ มาร์ซิยาล ผลงานดีคงได้ลงเล่นร่วมกับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส และ มาคัส กรีนวูด โดยมี เอดิสัน คาวานี่ รับหน้าที่หัวหอก เฟร้ด ผนึกกำลัง เนมาย่า มาติช คุมเกมแดนกลาง ส่วนทางแนวรับจัด ดาบิด เด เคอา เฝ้าเสา อารอน วาน-บิสซาก้า, แฮร์รี่ แม็คไกว์, ลุค ชอว์ ลงประจำการปราการหลัง
‘เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด’ ทัพดาบคู่ของผู้จัดการทีม คริส วิลเดอร์ เพิ่งชนะ พลีมัธ อาร์ไกล์ 2-1 .ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 ส่วนสถานการณ์ใน พรีเมียร์ลีก เรียกได้ว่าย่ำแย่ รั้งอยู่อันบ๊วยที่ 20 ของตาราง จากการลงสนาม 19 นัด ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 16 มี คะแนน สภาพความพร้อมของทีมก็แย่ไม่แพ้ผลงาน มีผู้เล่นทีมชุดใหญ่บาดเจ็บถึง 6 ราย ได้แก่ เชนเดอร์ เบิร์ก, แจ็ค โรบินสัน, โอลี่ แม็คเบอร์นี่, แจ็ค โอคอนเนลล์ และ เบน ออสบอร์น ลงสนามไม่ได้ทั้งหมด ในรายของ ลิซ มูสเซท ต้องรอทดสอบความฟิต คาดว่าเกมนี้นำทัพโดย จอมเก๋ามากประสบการณ์ บิลลี่ ชาร์ป ผนึกกำลัง เดวิด แม็คโกลดริค เป็นคู่หัวหอก ส่วนทาง จอร์จ บาลด็อก ตัวสำรองในนัดก่อนที่พอได้ลงสนามโชว์ผลงานน่าจะได้ลงตัวจริงทำเกมรับร่วมกับ คริส บาแชม, จอห์น อีแกน และ อีธาน แอมพาดู โดยมี อารอน แรมส์เดล เฝ้าเสา พร้อมด้วย จอห์น ลุนด์สตรัม, จอห์น เฟล็ค, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด, เอ็นดา สตีเว่นส์ ลงทำเกมแดนกลาง