แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงศักยภาพในฐานะแชมป์เก่าด้วยการเปิดบ้านถล่ม ลิเวอร์พูล 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกมนี้ถือเป็นแมตช์พิเศษของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่คุมทีมครบ 1,000 นัดในอาชีพผู้จัดการทีม และลูกทีมของเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเล่นได้เหนือกว่าแทบทุกจังหวะ ทั้งการครองบอล ความเฉียบคม และเกมรับที่แน่นหนา ชัยชนะนี้ช่วยให้ “เรือใบสีฟ้า” ไล่จี้จ่าฝูงอาร์เซน่อลเหลือเพียง 4 คะแนนเท่านั้น
เออร์ลิง ฮาแลนด์ แม้จะพลาดจุดโทษในช่วงต้นเกมจากการป้องกันของ จอร์จิ มามาร์ดาชวิลี นายด่านลิเวอร์พูล แต่เขาก็แก้ตัวได้สำเร็จในนาทีที่ 29 ด้วยลูกโหม่งสุดเฉียบจากการเปิดของ มาธิอัส นูเนซ เป็นประตูที่ 99 ของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีก จากนั้น นิโก กอนซาเลซ ยิงแฉลบ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เข้าไปเพิ่มสกอร์เป็น 2-0 ก่อนที่ เจเรมี โดคู จะปิดท้ายด้วยลูกยิงโค้งจากนอกกรอบอย่างสวยงามในครึ่งหลัง
ฝั่งลิเวอร์พูลของ อาร์เน่ สลอต ยังคงมีปัญหาความไม่สม่ำเสมอ หลังเพิ่งชนะ แอสตัน วิลล่า และ เรอัล มาดริด มาในสัปดาห์ก่อน แต่กลับสะดุดแพ้อีกครั้งในลีก โดยทีมเยือนมีโอกาสหลายครั้งจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โคดี้ กัคโป ทว่าขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์ ส่วนแนวรับต้องเจอกับความเร็วและเทคนิคของ เจเรมี โดคู ที่เล่นได้โดดเด่นจนสร้างความปั่นป่วนได้ตลอดทั้งเกมทางฝั่งซ้ายของสนาม
เกมนี้มีจังหวะปัญหาเกิดขึ้นในครึ่งแรกเมื่อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โหม่งเข้าประตูจากลูกเตะมุม แต่ถูกปฏิเสธเพราะ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าและบดบังการมองเห็นของผู้รักษาประตู จึงทำให้ประตูไม่ถูกนับ ส่งผลให้ความมั่นใจของลิเวอร์พูลลดลง ขณะที่แมนฯ ซิตี้ ใช้โอกาสนี้บุกกดดันต่อเนื่องและเล่นด้วยความมั่นใจสูง ทำให้ฝั่งเจ้าบ้านคุมเกมได้ทั้งหมดจนจบครึ่งแรกด้วยความได้เปรียบอย่างชัดเจน
