‘เลสเตอร์ ซิตี้’ ทีมจิ้งจอกสยามของผู้จัดการทีม เบรนดัน ร็อดเจอส์ ไร้พ่ายมา 3 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ เพิ่งลงสนามเล่น เอฟเอ คัพ รอบ 5 เฉือนชนะ ไบร์ทตัน 1-0 ส่วนเกมล่าสุดในลีกเสมอ วูล์ฟ 0-0 ตอนนี้รั้งอยู่อันดับที่ 3 ของตาราง จากการลงสนาม 23 นัด ชนะ 13 เสมอ 4 แพ้ 6 มี 43 คะแนน ตามหลังจ่าฝูง 7 แต้ม แข่งน้อยกว่า 1 นัด สภาพความพร้อมของทีม ยังหมดสิทธิ์ใช้งานผู้เล่นบาดเจ็บอย่าง ธิโมที กัสตานเญ, เดนนิส ปราต, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, เจมส์ จัสติน และ เวสต์ มอร์แกน คาดว่าเกมนี้ เจมี่ วาร์ดี้ นำทัพแดนหน้าเป็นหัวหอกล่าตาข่าย ทำเกมรุกร่วมกับ อาโยเซ เปเรซ กับ เจมส์ แมดดิสัน ส่วนแดนกลาง ยูรี ตีเลอมันส์ ยืนหลัก แนวรับเป็นงานของ แคสเปอร์ ชไมเคิล เฝ้าเสา ดาเนี่ยล อมาร์ตีย์,ซากลาร์ โซยุนชู และ เจมส์ จัสติน ทำหน้าที่ปราการหลัง
‘ลิเวอร์พูล’ ขุนพลหงส์แดงของกุนซือ เจอร์เกน คล็อปป์ กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มไม่ดี แพ้มาต่อเนื่อง 2 เกมติด นัดล่าสุดโดยจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ บุกถล่มคาแอนฟิลด์ 1-4 ตอนนี้ยังติดท็อปโฟธ์อยู่อันดับ 4 ของตาราง จากการลงสนาม 23 นัด ชนะ 11 เสมอ 7 แพ้ 5 มี 40 คะแนน เรียกได้ว่ากดดันสุดๆ เพราะอันดับ 5 และ 6 ไล่หลังมาด้วยความห่างแต้มเดียว พลาดเมื่อไหร่มีสิทธิ์อดไปเล่น ยูฟ่า ชปล เกมต่อไปเจองานใหญ่ต้องบุกไปเยือน เลสเตอร์ฯ สภาพความพร้อมของทีม ยังขาดแข้งเดี้ยงหน้าเดิม คือ เวอร์จิล ฟาน ไดร์จ, โจ โกเมซ, โจแอล มาติป, นาบี เกอิต้า และ ดิเอโก้ โจต้า เพิ่มเติมด้วย ฟาบินโญ่ ที่เดี้ยงลงช่วยทีมไม่ได้ คาดว่าเกมนี้ อลิซอน เฝ้าเสา กองหลังยังเป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เทรนต์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนล และกองหลังตัวใหม่น่าจะเดบิวต์ ส่วนในรายของกัปตัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต้องมาดูว่าจะถูกปรับให้กลับมาคุมแดนกลางหรือไม่ เพราะถือได้ว่าในพื้นที่มิดฟิลด์เขาสร้างประโยชน์ได้มากกว่าการไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็ค ส่วนสามประสานแดนหน้ายังคงใช้งาน ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่