เออร์ลิง ฮาแลนด์ กลายเป็นคนสำคัญอีกครั้งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังซัดประตูชัยช่วยทีมเอาชนะเบรนท์ฟอร์ดในเกมพรีเมียร์ลีกสุดเข้มข้น ดาวยิงชาวนอร์เวย์เปิดเผยหลังเกมกับ Sky Sports ว่าการเจอคู่แข่งรายนี้ทำให้นึกถึงยุคสโต๊ค ซิตี้ของโทนี่ พูลิส ที่เคยสร้างชื่อเสียงด้วยการใช้ลูกทุ่มยาวของรอรี่ ดีแลปเป็นอาวุธเด็ด ความเห็นดังกล่าวทำให้เกิดกระแสพูดถึงแท็กติกเบรนท์ฟอร์ดที่เล่นหนักและใช้วิธีการกดดันคล้ายทีมบอลอังกฤษยุคก่อน
ฮาแลนด์กล่าวว่าการเผชิญหน้ากับเบรนท์ฟอร์ดเต็มไปด้วยความดุดันและการเข้าปะทะตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกทุ่มที่ถูกนำมาใช้จากระยะกลางสนาม เขาอธิบายว่า “มันเหมือนกับการเจอสโต๊คเมื่อ 15 ปีก่อนจริง ๆ พวกเขามีตัวใหญ่เต็มสนามและทุ่มบอลได้จากทุกที่” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหนื่อยยากที่แมนซิตี้ต้องเจอ อีกทั้งแฟนบอลที่เดิมพันแมนซิตี้กับ 10 เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ยังอึดอัดเพราะแผนการเล่นนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยกเครดิตให้ทีมงานสตาฟโค้ชที่เตรียมการวิเคราะห์อย่างละเอียดจนสามารถรับมือได้อย่างดี
หนึ่งในภาพที่เด่นชัดคือการดวลกันของฮาแลนด์กับเซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก กองหลังร่างสูงใหญ่ของเบรนท์ฟอร์ด ดาวยิงนอร์เวย์เล่าว่าในช่วงต้นเกมถูกผลักดันตลอดเวลา จนต้องตอบโต้กลับด้วยพละกำลังของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เขามีไฟและทำงานหนักขึ้น สุดท้ายความแข็งแกร่งนี้ก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นประตูชัยที่สำคัญ ถือเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าแม้ในสถานการณ์กดดัน ฮาแลนด์ยังสามารถหาทางเหนือกว่าคู่แข่งได้เสมอ
การเปรียบเทียบกับสโต๊ค ซิตี้ ไม่ได้เกินจริง เพราะสมัยโทนี่ พูลิส คุมทีม ลูกทุ่มของรอรี่ ดีแลปสามารถพุ่งได้กว่า 40 เมตร และบางครั้งมีความเร็วถึง 50 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่งผลให้สโต๊คทำประตูได้มากมายจากลูกทุ่มโดยตรง ฮาแลนด์จึงมองว่าการเจอเบรนท์ฟอร์ดในวันนี้มีลักษณะคล้ายคลึง ทั้งเกมที่เน้นลูกกลางอากาศ บล็อกต่ำ และการใช้ผู้เล่นร่างใหญ่เพื่อหยุดเกมรุกคู่แข่ง นี่คือการกลับมาของแท็กติกที่เคยสร้างความลำบากให้หลายทีมในพรีเมียร์ลีกเมื่อสิบกว่าปีก่อน