แม้อากาศร้อนอบอ้าวกว่า 32 องศาในรัฐนิวเจอร์ซีย์ แต่เชลซีกลับเล่นได้เยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง โคล พาล์มเมอร์ เด็กหนุ่มจากเมืองไวเธินชอว์ กลายเป็นฮีโร่ในค่ำคืนประวัติศาสตร์ ด้วยการเหมาสองประตูสุดเด็ดขาดและอีกหนึ่งแอสซิสต์ พาทีม “สิงห์บลู” ผงาดคว้าแชมป์สโมสรโลก 2025 ที่ MetLife Stadium โดยเอาชนะปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปอย่างเหนือความคาดหมาย 3-0 ต่อหน้าต่อตาประธานฟีฟ่าและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มาร่วมมอบถ้วยแชมป์บนโพเดียม
นับตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มต้น เชลซีมีแผนการเล่นที่ชัดเจนในการรับมือกับทีมเต็งแชมป์อย่างเปแอสเช ที่ครองบอลเหนือกว่าแต่ไร้พิษสงในพื้นที่สุดท้าย โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูของเชลซีโชว์ฟอร์มเหนียวหนึบ เซฟลูกสำคัญหลายครั้ง ทำให้แฟนบอลหันมาเดิมพันสดฝั่งเชลซีที่เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์มากขึ้น ขณะที่ฝั่งตรงข้าม โดนาร์รุมมากลับต้องรับมือกับเกมโต้กลับที่เฉียบคมและเด็ดขาดของเชลซี การยิงประตูของพาล์มเมอร์ในนาทีที่ 22 และ 30 ทั้งแม่นยำและเยือกเย็น เกินกว่าที่แนวรับเปแอสเชจะหยุดได้
ก่อนหมดครึ่งแรกไม่นาน เชลซีปิดจ๊อบจากลูกสวนกลับเร็ว พาล์มเมอร์ลากบอลจากกลางสนามแล้วจ่ายอย่างนิ่มนวลให้เจา เปโดร ล็อกหนีผู้รักษาประตูแล้วชิพอย่างเหนือชั้น จบครึ่งแรก 3-0 แบบที่หลายคนไม่อยากเชื่อสายตา แม้เปแอสเชจะครองบอลเกิน 70% แต่โอกาสยิงจะแจ้งกลับเป็นของเชลซีแทบทั้งหมด พวกเขาเล่นด้วยความมั่นใจเกินวัย ประสานงานกันลงตัวราวกับซ้อมมาเป็นปี โดยเฉพาะมาลโล กุสโตที่เติมเกมฝั่งขวาได้อย่างดุดัน
ครึ่งหลัง เปแอสเชพยายามเร่งเครื่องแก้เกม แต่ซานเชซยังเหนียวหนึบปฏิเสธลูกยิงของรุยซ์ ควารัตส์เคเลีย และเดมเบเล่ อย่างน่าทึ่ง ขณะที่เกมของเชลซีเน้นการครองบอลแบบปลอดภัย และไม่รีบร้อน อาศัยเกมรับแน่นแฟ้นและการตัดจังหวะที่แม่นยำ ทุกครั้งที่ได้บอล เสียงโห่ร้อง “โอเล่” ดังกระหึ่มจากแฟนเชลซีทั่วสนาม โค้ชเอ็นริเก้ของเปแอสเชถึงกับเดือดจัดในช่วงท้ายเกม มีเหตุการณ์ชุลมุนที่ทำให้เจา เนเวสถูกใบแดงจากการดึงผมมาร์ค กูกูเรญ่า