ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ตกลงค่าตัว ‘เบน ก็อดฟรี่’ เซ็นเตอร์แบ็คจากทีมนกขมิ้นได้แล้ว
มีรายงานมาว่า นอริช ซิตี้ ได้ยอมรับข้อเสนอล่าสุดของทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ในการดึงตัวแข้งปราการหลังอย่าง เบน ก็อดฟรี่ หลังจากก่อนหน้านี้ทีมนกขมิ้นได้ปฏิเสธค่าตัว 26 ล้านปอนด์ เพราะหวังราคาค่าตัวแข้งรายนี้อยู่ที่ 30 ล้าน สำหรับดาวเตะแนวรับวัย 22 ปีรายนี้ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า นอริชฯ จะยอมรับข้อเสนอแล้ว ซึ่งประกอบไปด้วยค่าตัวจ่ายล่วงหน้า 20 ล้านปอนด์ พร้อมโบนัสต่างๆ อีกประมาณ 6 ล้านปอนด์และอาจเพิ่มสูงถึง 30 ล้านปอนด์ ตามเงื่นไขที่ตกลงกัน
เดิมพันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ราคาบอลดีๆ ที่ M88
ทางด้าน เอฟเวอร์ตัน แสดงท่าทีในการเลือกคว้าตัว ก็อดฟรี่ มาเป็นตัวเลือกแรกในการเสริมทัพของผู้จัดการทีม คาร์โล อันเชล็อตติ ก่อนหน้าดีลยืมตัว ฟิกาโย่ โทโมรี่ จาก เชลซี ซึ่งตอนนี้ดูเหมือจะไม่เป็นที่ต้องการของกุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ในการเป็นอะไหล่เสริมในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง นับตั้งแต่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ มีปัญหารับบาดเจ็บ
ในตลาดการซื้อขายรอบนี้ เอฟเวอร์ตัน ได้ใช้นโยบายในการซื้อขายด้วยความความทะเยอทะยาน หลังจากทีมท็อฟฟี่คว้าตัว ฮาเมส โรดริเกซ, อัลลัน และ นีลส์ เอ็นกูนกู มาเสริมทีม และดีลต่อไปก็เป็น ก็อดฟรี่ ที่มีข่าวว่าเตรียมกลายเป็นนักเตะใหม่ป้ายแดงรายล่าสุดในถิ่น กูดิสัน พาร์ค
โดยทาง ก็อดฟรี่ ลงสนามใน พรีเมียร์ลีก ไปทั้งหมด 30 นัด ให้กับ นอริช ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของเทรนเนอร์ ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ ซึ่งทีมได้ตกชั้นไปเล่นในลีก แชมเปี้ยนชิพ เมื่อฤดูกาล 2019/20 ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ก็อดฟรี่ ก็ทำผลงานอันน่าประทับใจในการลงสนามร่วมกับ แม็กซ์ อารอนส์ และ จามาล ลูอิส ในตำแหน่งแผงหลังของทัพนกขมิ้น แม้ว่าทีมจะอยู่ไม่รอดในลีกสูงสุกเมืองผู้ดีก็ตาม
ดาวเตะแนวรับรายนี้มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี และได้รับโอกาสลงประเดิมสนามเมื่อตอนปีที่ผ่านมา ทั้งยังได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป U21 รอบคัดเลือก ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้ลงเล่นในเกมสามนัดแรกให้กับทีมนกขมิ้นในรายการ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี เอฟเวอร์ตัน ยังไม่ต้องเร่งร้อนเจรจาให้ทันเส้นตายของตลาดนักเตะในวันจันทร์นี้ เพราะตลาดนักเตะของพรีเมียร์ลีกและลีกอังกฤษ จะปิดลงวันที่ 16 ตุลาคม 2020 เชื่อมั่นว่าทางทีมท็อฟฟี่ต้องจริงในการเสริมทัพแนวรับ เนื่องจาก เมสัน โฮลเกต ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ จาร์ร็อด แบรนธ์เวต ก็ยังเจ็บเท้าอยู่นั้นเอง